ถ้าใช้แป้งสาลีชนิดไม่ขัดขาวเป็นส่วนผสมหลักจะเรียกว่า พาสต้าโฮลวีท (แต่พาสต้าโฮลวีททุกชนิดจะมีการผสมแป้งสาลีขัดขาวลงไปด้วย เพื่อให้เนื้อแป้งจับตัวจนรีดเป็นเส้นออกมาได้)ซึ่งจะมีเนื้อหยาบและเหนียวกว่าที่ใช้แป้งสาลีขัดขาวล้วน ทั้งยังมีใยอาหารและวิตามินบี 1 มากกว่าอีกด้วย พาสต้าในท้องตลาดมีหลายลักษณะ อาทิ สปาเกตตี (Spaghetti) ลักษณะเป็นเส้นกลมยาว มักกะโรนี (Macaroni) ลักษณะเป็นเส้นกลมยาว มีรูกลมตรงกลาง ลิงกวินี (Linguine) ลักษณะเป็นเส้นแบน ฟูซิลี (Fusilli) ลักษณะเป็นเส้นเกลียวสั้น อาจารย์นิพนธ์ ฉิมเฉลิม นักโภชนาการอิสระ บอกเทคนิคเลือกซื้อเส้นสุขภาพนี้ว่า
“พาสต้าโฮลวีทในท้องตลาด
นอกจากจะผสมแป้งสาลีไม่ขัดขาวลงไปแล้ว ยังอาจผสมธัญพืชไม่ขัดสีชนิดต่างๆ เช่น
ข้าวไรน์ ข้าวฟ่าง บักวีต ลงไปด้วย จึงทำให้ได้คุณค่าของใยอาหารมากขึ้น
บางผลิตภัณฑ์อาจใส่แป้งสาลีไม่ขัดขาวในสัดส่วนที่น้อย แต่ก็ยังถือว่าเป็น
เส้นโฮลวีทอยู่ ซึ่งเส้นที่ได้นี้จะมีความอ่อนนุ่ม
แต่มีใยอาหารน้อย”
เคล็ดลับเลือกเส้นพาสต้าโฮลวีทคุณภาพดีต้องอ่านฉลากโภชนาการข้างซองผลิตภัณฑ์
และสังเกตรายละเอียดว่า มีใยอาหารมากกว่า 2.5 กรัม ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
ใช้แป้งขัดขาว (ส่วนใหญ่ในฉลากจะไม่ใช้คำว่า ใช้แป้งไม่ขัดขาว) ในปริมาณน้อย
ยิ่งใช้ในอัตราส่วนน้อย จะยิ่งดีต่อสุขภาพ
เพราะร้อยละที่เหลือจะเป็นปริมาณของแป้งไม่ขัดขาวเคล็ดลับปรุงความอร่อยให้คับจาน
“พาสต้าโฮลวีทชนิดที่มีใยอาหารสูง ย่อมจะมีกลิ่นเฉพาะตัว จากเปลือก เมล็ด เยื่อต่างๆ ของธัญพืช คนไม่เคยกินอาจไม่ชอบกลิ่นนี้ ดังนั้นเวลานำมาทำอาหารจึงต้องเลือกเมนูที่มีเครื่องปรุงรสจัดจ้าน เพื่อช่วยดับกลิ่น เช่น ผัดขี้เมา หรือใช้แทนเส้นก๋วยเตี๋ยวในก๋วยเตี๋ยวหลอดซึ่งมีซีอิ๊วและเครื่องปรุงอื่นๆ เป็นตัวดับกลิ่น”
นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับต้มเส้นสุขภาพนี้ให้อร่อยชวนกินดังนี้
1. ก่อนนำมาต้ม ควรแช่เส้นในน้ำประมาณ 5-15 นาที (ขึ้นอยู่กับความหนาของเส้นแต่ละชนิด) เพื่อให้เส้นดูดซับน้ำเข้าไปให้อิ่มตัว ตักขึ้นพักไว้
2. ต้มน้ำสำหรับลวกเส้น โดยเทน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย เพื่อให้เส้นไม่เกาะกัน และมีความมันวาวน่ากิน 3. ใส่เส้นลงในน้ำเดือด ต้มสัก 2-3 นาที ตักขึ้น แล้วแช่ลงในน้ำเย็น จะได้เส้นพาสต้าที่สุกทั่วถึง ไม่แข็งเป็นไต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น